Escolar Documentos
Profissional Documentos
Cultura Documentos
การอานและพิจารณาวรรณคดีเรื่อง สามัคคีเภทคําฉันท
โดย
นาย ธนาคม กวีวุฒิศิลป ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5/1 เลขที่ 4
นางสาว สาริศา เกียรติวุฒิ ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5/1 เลขที่ 5
นางสาว ปทิตตา กิตติมงคลสุข ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5/1 เลขที่ 6
นาย เบญจมินทร หวังเจริญวงศ ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5/1 เลขที่ 22
เสนอ
อาจารย พนมศักดิ์ มนูญปรัชญาภรณ
ภาคเรียนที่ 2 ปการศึกษา 2561
โรงเรียนสาธิตนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล
รายงานนี้เปนสวนหนึ่งของกิจกรรมการเรียนรูโดยใชโครงงานเปนฐาน (Project Based Learning)
รายวิชาภาษาไทยและวัฒนธรรม ระดับชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5
คํานํา
รายงานเลมนี้จัดตั้งขึ้นเพื่อเปนสวนหนึ่งของภาควิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 เพื่อใหไดศึกษา
หาความรูในเรื่องสามัคคีเภทคําฉันท และไดศึกษาอยางเขาใจเพื่อเพื่อเปนประโยชนแกการเรียนของตัวนักเรียน
เอง
ผูจัดทําหวังเปนอยางยิ่งวา รายงานเลมนี้จะเปนประโยชนกับผูอาน นักเรียน หรือนักศึกษาที่ตองการ
จะศึกษาในเรื่องสามัคคีคําฉันท หากมีขอแนะนําหรือขอผิดพลาดประการใด ผูจัดทําขอนอมรับไว และ ขออภัย
มา ณ ที่น ี้
คณะผูจัดทํา
21 พฤษภาคม 2561
ก
สารบัญ
หนา
คํานํา ก
สารบัญ ข
1.การอานและพิจารณาเนื้อหาและกลวิธีในวรรณคดีและวรรณกรรม 1
1.1 เนื้อเรื่อง หรือเนื้อเรื่องยอ 1
1.2 โครงเรื่อง 1
1.3 ตัวละคร 1
1.4 ฉากทองเรื่อง 5
1.5 บทเจรจาหรือรําพึงรําพัน 5
1.6 แกนเรื่องหรือสารัตถะของเรื่อง 5
2. การอานและพิจารณาการใชภาษาในวรรณคดีและวรรณกรรม 5
2.1 การสรรคํา 5
2.2 การเรียบเรียงคํา 7
2.3 การใชโวหาร 9
3. การอานและพิจารณาประโยชนหรือคุณคาในวรรณคดีและวรรณกรรม 1 0
3.1 คุณคาดานอารมณ 10
3.2 คุณคาดานวรรณศิลป 11
3.3 คุณคาดานสังคม 12
บรรณานุกรม 13
ข
การอานและพิจารณาเนื้อหาและกลวิธีในวรรณคดีและวรรณกรรม
เนื้อเรื่อง หรือเนื้อเรื่องยอ
พระเจาอชาตศัตรูแหงกรุงราชคฤหแควนมคธทรงมีที่ปรึกษาราชกิจทั่วไปคือวัสสการพราหมณผูฉลาด
และรอบรูศิลปศาสตร เมื่อพระเจาอชาตศัตรูตองการที่จะขยายอํานาจโดยการปกครองแควนวัชชี แตกษัตริย
ของแควนวัชชีนั้นมีความสามัคคีปรองดอง จึงสงพราหมณไปเปนใสศึกเพื่อทําลายความสามัคคี กอนนําทัพไปตี
โดยการออกอุบายวาพราหมณนั้นโดนไลออกจากแควนมคธ พราหมณเดินทางไปถึงนครเวสาลี กษัตริยลิจฉวี
ทรงซักถามายๆอยาง แตก็หลงกลพราหมณ ทรงรับไวทําราชการในตําแหนงอํามาตยผูพิจารณพิพากษาคดี
และตั้งเปนครูฝกสอนศิลปวิทยาแก ราชกุมารของเหลากษัตริย จากนั้นตอมาพราหมณเฒาก็ทําที่ปฎิบัติงานใน
หนาที่จนหมูกษัตริยวางใจ พราหมณจึงออกอุบายใหบรรดาราชโอรสกษัตริยลิจฉวีระแวงกันโดยใหแตละองคไป
พบเปนการสวนตัว แลวถามปญหาธรรมดา เมื่อองคอื่นถามววาสนทนาอะไรกับอาจารยบาง ถึงราชกุมารองค
จะตอบความจริง แตก็ไมมีใครเชื่อทําใหเกิดความราวฉานในบรรดากุมาร จนเรื่องไปถึงกษัตริยลิจฉวี ทําให
ความสามัคคีคอยๆนอยลง จนกระทั่งไมเขารวมประชุมราชสภาพราหรณ จึงสงขาวไปใหพระเจาอชาตศัตรูยก
ทัพมาตีแควนวัชชีไดสําเร็จ
โครงเรื่อง
กษัตริยของเมืองหนึ่งตองการที่จะขนายอํานาจไปที่เมืองใกลเคียง แตกษัตริยของเมืองนั้น มีความ
สามัคคีปรองดองที่มั่นคง กษัตริยผูตองการขยายอํานาจจึงใชอุบายสงพราหมณไปเปนไสศึก ทําลายความ
สามัคคีของกษัตริยเมืองนั้น แลวจึงยกทัพเขาโจมตี
ตัวละคร
พระเจาอชาตศัตรู: มีเมตตาตอประชาชน ทําใหเมืองเจริญ พยายามขยายอํานาจ และ รอบคอบ
1. ความมีเมตตาตอประชาชน
แวนแควนมคธนครรา- ชคฤหฐานบูร ี
สืบราชวัตวิธทวี ทศธรรมจรรยา
เลื่องหลามหาอุตตมลาภ คุณภาพพระเมตตา
แผเพียงชนกกรุณอา ทรบุตรธิดาตน
2. ทําใหบานเมืองเจริญ
หอรบจะรับริปุผิรอ รณทอหทัยหมาย
มุงยุทธยอมชิวมลาย และประลาตมิอาจทน
1
พรอมพรั่งสะพรึบพหลรณ พยุหพลทหารชาญ
อํามาตยและราชบริวาร วุฒิเสวกากร
เนืองแนนขนัดอัศวพา หนชาติกุญชร
ชาญศึกสมรรถสุรสมร ชยเพิกริปูภินท
กลางวันอนันตคณนา นรคลาคละไลเนือง
กลางคืนมหุสสวะประเทือง ดุริยศัพทดีดสี
บรรสานผสมสรนินาท พิณพาทยและเภรี
แซโสตสดับเสนาะฤดี อุระลํ้าระเริงใจ
3. พยายามที่จะขยายอํานาจและเมืองใหใหญกวาเดิม
สมัยหนึ่งจึ่งผูภูมิบาล ทรงจินตนาการจะแผอํานาจอาณา
ใหราบปราบเพื่อเกื้อปรากฎ ไผทไพศาลรัฐจังหวัดวัชชี
4. มีความรอบคอบ
ศึกใหญใครจะพยายาม รบเราเอาตามกําลังก็หนักนักหนา
จําจักหักดวยปญญา รอกอนผอนหาอุบายทําลายมูลความ
วัสสการพราหมณ: รักบานเมืองของตนเอง จงรักภักดีตอพระเจาอชาตศัตรู เฉลียวฉลาดมีไหวพริบ
รอบคอบ และมีความเพียร
1. รักบานเมืองของตนเอง และสามารถเสียสละใหไดเพื่อชาติบานเมือง
ไปเห็นกะเจ็บแสบ ชิวแทบจะทําลาย
มอบสัตยสมรรถหมาย มนมั่นมิหวั่นไหว
หวังแผนเพื่อแผนดิน ผิถวิลสะดวกใด
เกื้อกิจสฤษฎไป บมิเลี่ยงละเบี่ยงเบือน
2. จงรักภักดีและกตัญูตอพระเจาอชาตศัตรู
โดยเต็มกตัญู กตเวทิตาครัน
2
ใหญยิ่งและยากอัน นรอื่นจะอาจทน
หยั่งชอบนิยมเชื่อ สละเนื้อและเลือดตน
ยอมรับทุเรศผล ขรการณพะพานกาย
ไปเห็นกะเจ็บแสบ ชิวแทบจะทําลาย
มอบสัตยสมรรถหมาย มนมั่นมิหวั่นไหว
3. เฉลียวฉลาดมีไหวพริบ
เปรียบปานมหรรณพนที ทะนุที่ประทังความ
รอนกายกระหายอุทกยาม นรหากประสบเห็น
เอิบอิ่มกระหยิ่มหทยคราว ระอุผาวก็ผอนเย็น
ยังอุณหมุญจนะและเปน สุขปติดีใจ
วัชชีบวรนครสรร พจะขันจะเขมแขง
รี้พลสกลพิริยแรง รณการกลาหาญ
มาคธไผทรฐนิกร พลออนบชํานาญ
ทั้งสิ้นจะสูสมรราญ ริปุนั้นไฉนไหว
ดั่งอินทโคปกะผวา มุหฝาณกองไฟ
หิ่งหอยสิแขงสุริยะไหน จะมินาชิวาลาญ
4. รอบคอบ
วัชชีภูมีผอง สดับกลองกระหึมขาน
ทุกไทไปเอาภาร ณกิจเพื่อเสด็จไป
ตางทรงรับสั่งวา จะเรียกหาประชุมไย
เราใชคนใหญใจ ก็ขลาดกลัวบกลาหาญ
5. มีความเพียรพยายาม
ครั้นลวงสามปประมาณมา สหกรณประดา
ลิจฉวีรา ชทั้งหลาย
3
สามัคคีธรรมทําลาย มิตรภิทนะกระจาย
สรรพเสื่อมหายน ก็เปนไป
กษัตริยลิจฉวี: ตั้งมั่นในธรรม7ประการ ขาดวิจารณญาณ และ มีทิฐิมากเกินไป
1. ตั้งมั่นในธรรม7ประการ
หนึ่ง เมื่อมีราชกิจใด ปรึกษากันไปบวายบหนายชุมนุม
สอง ยอมพรอมเลิกพรอมประชุม พรอมพรักพรรคคุมประกอบณกิจควรทํา
สาม นั้นถือมั่นในสัม มาจารีตจําประพฤติมิตัดดัดแปลง
สี่ ใครเปนใหญไดแจง โอวาทศาสนแสดงก็ยอมและนอมบูชา
หา นั้นอันบุตรภริยา แหงใครไปปรารภประทุษขมเหง
หก ที่เจดียคนเกรง มิยํ่ายําเยงก็เซนก็สรวงบวงพลี
เจ็ด พระอรหันตอันมี ในรัฐวัชชีก็คุมก็ครองปองกัน
2. ขาดวิจารณญาณ
ตางองคนําความมิงามทูล พระชนกอดิศูร
แหง ธ โดยมูล ปวัตติ์ความ
แตกราวกาวรายก็ปายปาม ลุวรบิดรลาม
ทีละนอยตาม ณเหตุผล
3. มีทิฐิมากเกินไป
ศัพทอุโฆษ ประลุโสตทาว
ลิจฉวีดาว ขณะทรงฟง
ตางธก็เฉย และละเลยดัง
ไทมิอินัง ธุระกับใคร
ตางก็บคลา ณสภาคาร
แมพระทวาร บุรทั่วไป
รอบทิศดาน และทวารใด
เห็นนรไหน สิจะปดมี
4
ฉากทองเรื่อง
แทตริงแลวสามัคคีเภทคําฉันทเปนเรื่องราวของประอินเดียในสมัยพระเจาอชาตศัตรู แตดวยความเปน
ไทยของกวี จึงทําใหมีบางสวนของบทกลอนที่ยังคงความเปนไทย เชน การพรรณนาชมบานเมือง
อําพนพระมนทิรพระราช สุนิวาสวโรฬาร
อัพภันตรไพจิตรและพา หิรภาคก็พึงชม
เลหเลื่อนชะลอดุสิตฐา นมหาพิมานรมย
มารังสฤษฎพิศนิยม ผิจะเทียบก็เทียมทัน
สามยอดตลอดระยะระยับ วะวะวับสลับพรรณ
ชอฟาตระการกลจะหยัน จะเยาะยั่วทิฆัมพร
บราลีพิลาศศุภจรูญ นภศูลประภัสสร
หางหงสผจงพิจิตรงอน ดุจกวักนภาลัย
บทเจรจาหรือรําพึงรําพัน
บทนี้แสดงถึงความจงรักภัคดีของวัสสการพราหมณที่มีตอพระเจาอชาตศัตรู
โดยเต็มกตัญู กตเวทิตาครัน
ใหญยิ่งและยากอัน นรอื่นจะอาจทน
หยั่งชอบนิยมเชื่อ สละเนื้อและเลือดทน
ยอมรับทุเรศผล ขรแทบจะทําลาย
ไปเห็นกะเจ็บแสบ ชิวแทบจะทําลาย
มอบสัตยสมรรถหมาย มนมั่นมิหวั่นไหว
แกนเรื่อง
สามัคคีเภทคําฉันทมีแกนเรื่องเดนคือ การแตกสามัคคีสามารถทําใหเกิดหายนะในหมูคณะ
การอานและพิจารณาการใชภาษาในวรรณคดีและวรรณกรรม
การสรรคํา
ผูประพันธเลือกใชคําใหตรงตามความตองการ เหมาะสมกับเนื้อเรื่องและฐานะของบุคคลในเรื่อง คําที่
ใชสื่อความคิดและอารมณไดอยางงดงามและชัดเจน การสรรคําในเรื่องมีดังตอไปนี ้
5
1. เลือกใชคําใหเหมาะสมกับเรื่องและฐานะของบุคคลในเรื่อง
ราชาลิจฉวี ไปมีสักองค
อันนึกจํานง เพื่อจักเสด็จไป
ตางองคดํารัส เรียกนัดทําไม
ใครเปนใหญใคร กลาหาญเห็นดี
บทประพันธขางตนเปนตัวอยางของการเลือกใชคําที่มีความเหมาะสมกับฐานะของบุคคล เมื่อผูแตง
ตองการกลาวถึงพระมหากษัตริย ผูแตงจะตองหานําคําศัพทที่เหมาะสมมาใช โดยในฉันทบทนี้มีการใชคํา
ราชาศัพท
2. การเลือกใชคําโดยคํานึงถึงเสียง
2.1 การเลนเสียงสัมผัส
ในบทประพันธมีทั้งสัมผัสนอกสัมผัสในโดยเฉพาะสัมผัสสระและพยัญชนะเพื่อใหเกิดเสียงอัน
ไพเราะ เชน คะเนกล กับ คะนึงการ และ ระวังเหือด กับ ระแวงหาย ซึ่งเปนการเลนเสียงสัมผัสสระ
ทิชงคชาติฉลาดยล คะเนกลคะนึงการ
กษัตริยลิจฉวีวาร ระวังเหือดระแวงหาย
2.2 การใชคําที่เลนเสียงหนักเบา
การใชเสียงหนักเบาทําใหผูอานรูสึกถึงทํานอง ความไพเราะของเนื้อความไดมากชึ้น เชน
ดั่งนั้น ณ หมูใด ผิ บ ไรสมัครมี
พรอมเพรียงนิพันธนี รวิวาทระแวงกัน
2.3 การใชคําพองเสียงและคําซํ้า
ในบทประพันธบางครั้งผูแตงจะใชการเลนเสียงคําพอง และคําซํ้า เพื่อใหเกิดทํานอง และความ
งดงามของฉันท เชน
ควรยกประโยชนยื่น นรอื่นก็แลเหลียว
ดูบางและกลมเกลียว มิตรภาพผดุงครอง
2.4 การเลือกใชคําใหหลากหลาย
ผูแตงเลือกใชคําหลายๆคําที่มีความหมายเหมือนกันในการแตงกลอน เชน
6
ขุนคอคชคุมกุมอัง กุสกรายทายยังขุนควาญประจําดํารี
ขุนคชขึ้นคชชินชาญ คุมพลคชสารละตัวกําแหงแข็งขัน
คําวา คช ดํารี และคชสาร ที่ใชในบทประพันธขางตน เปนคําที่มีความหมายเดียวกัน ซึ่งคํา
ทั้งหมดมีความหมายถึงชาง
การเรียบเรียงคํา
ในการเขียนบทงานบทประพันธตางๆ ผูแตงจะมีการเรียบเรียงคําและประโยคในบทประพันธเพื่อให
เขาใจงานตอผูอาน ทําใหผูอานสามารถเขาถึงอารมณที่ถูกตองและเร็วขึ้น
1. สารสําคัญไวทายสุด
ในการแตงบทประพันธ ผูแตงจะนําสาระสําคัญ หรือใจความสําคัญไวดานหลังสุดเพื่อทําใหมีความ
หนักแนนในการอธิบายวัตถุประสงคและเนื้อหา
ทิชงคชาติฉลาดยล คะเนกลคะนึงการ
กษัตริยลิจฉวีวาร ระวังเหือดระแวงหาย
จากฉันทบทนี้ผูแตงไดประพันธฉันทบทนี้ใหมีความหนักแนน และกระชับของเนื้อหาโดยนําใจความ
สําคัญมาไวทายบท นั่นก็คือ การที่วัสสการพรามหณคิดกลอุบายเพื่อใหเกิดความระแวงในหมูกษัตริยลิจฉวีนั้น
เปนเครื่องมือที่ดีที่ทําใหเกิดการแตกแยก ขาดความสามัคคีดังเดิม เพื่อยํ้าถึงเนื้อหาและสิ่งที่ตองการจะบอกผู
อาน
2. เรียงคํา วลี หรือประโยคที่มีความสําคัญเทา ๆ กัน เคียงขนานกันไป
ตางทรงสําแดง ความแขงอํานาจ
สามัคคีขาด แกงแยงโดยมาน
ภูมิศลิจฉวี วัชชีรัฐบาล
บ ชุมนุมสมาน แมแตสักองค
ผูประพันธเรียบเรียงคําที่มีความหนักแนนอยูขางกันเชน “สามัคคีขาด” และ “แกงแยงโดยมาน” เพื่อ
ทําใหเกิดการแบงความสําคัญใหเทาๆกัน โดยสองคํานี้มีความหมายในเชิงเดียวกัน ในฉันทบทขางตน ผูแตง
ตองการใชคําเหลานี้ในการเลาถึงความทระนง และความคิดวาตนเองมีอํานาจมาก ซึ่งทําใหเกิดการทะเลาะ
เบาะแวงกันเองในเหลากษัตริยลิจฉวี แตกความสามัคคี และตางตองการเปนใหญ
7
3. เรียบเรียงประโยคใหเนื้อหาเขมขนขึ้นไปตามลําดับดุจขั้นบันไดจนถึงขั้นสุดทายที่สําคัญที่สุด
เหี้ยมนั้นเพราะผันแผก คณะแตกและตางมา
ถือทิฐิมานสา หสโทษพิโรธจอง
แยกพรรคสมรรคภิน ทนสิ้น บ ปรองดอง
ขาดญาณพิจารณตรอง ตริมหลักประจักษเจือ
เชื่ออรรถยุบลเอา รสเลาก็งายเหลือ
เหตุหาก ธ มากเมือ คติโมหเปนมูล
จึ่งดาลประการหา ยนภาวอาดูร
เสียแดนไผทสูญ ยศศักดิเสื่อมนาม
ในบทประพันธขางตนเปนเรื่องของการแตกความสามัคคีในหมูกษัตริยลิจฉวีอันมาจากทิฐิของกษัตริย
และการขาดสติในการใตรตรองขอมูลใหดีกอน โดยผูแตงไดมีการจัดเรียงลําดับเหตุการณโดยคอยๆเพิ่มความ
เขมขนของเนื้อความไปจนจบ ซึ่งในบทนี้ผูแตงไดเขียนอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในปจจุบัน และสิ่งที่อาจเกิดขึ้นใน
อนาคตเพราะการแตกความสามัคคี
4. เรียบเรียงประโยคใหเนื้อหาเขมขนขึ้นไปตามลําดับแตคลายความเขมขนลงในชวงหรือประโยค
สุดทายอยางฉับพลัน
อยาปรารถนาหวัง สุขทั้งเจริญอัน
มวลมาอุบัติบรร ลุไฉนบไดม
ปวงทุกขพิบัติสรร พภยันตรายกลี
แมปราศนิยมปรี ติประสงคก็คงสม
ควรชนประชุมเชน คณะเปนสมา
สามัคคิปรารม ภนิพัทธรําพึง
ไปมีก็ใหม ี ผิวมีก็คํานึง
เนื่องเพื่อภิยโยจึง จะประสบสุขาลัยฯ
นอกจากผูแตงจะมีการเขียนเรียงลําดับความเขมขนใหมากขึ้น ยังมีการแตงคลายความเขมขน ของ
เรื่องในตอนทาย อยางที่เห็นในฉันทขางตน ผูแตงลดความเขมขนของการอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากเกิดการ
แตกความสามัคคีของเหลากษัตริย โดยการพูดถึงประโยชนของความสามัคคี และสอนใหทุกคนเขาใจ และเข
ถึงความสามัคคี
8
การใชโวหาร
การใชโวหาร คือการนําภาษาที่ใชพูดและเขียนที่ใชอยูปกติมาดัดแปลง เพื่อกอใหเห็นภาพ ความรูสึก
และอารมณตางๆ โดยการใชโวหารมีหลายลักษณะเรียกวา “ภาพพจน” ดังนี ้
1. อุปมาโวหาร
อุปมาโวหาร คือการเปรียบเทียบสิ่งหนึ่งเหมือนกับอีกสิ่งหนึ่งโดยมีคํามีที่หมาถึงคําวา เหมือน มาเปน
ตัวเชื่อม เชน
ปวงโอรสลิจฉวีดํา ริณวิรุธก็สํา
คัญประดุจคํา ธ เสกสรร
2. อุปลักษณโวหาร
อุปลักษณโวหาร คือการเปรียบเทียบสิ่งหนึ่งเปนอีกสิ่งโดยบอกเปนนัย ไมกลาวหรือเปรียบเทียบให
เห็นตรงๆ เชน
หิ่งหอยสิแขงสุริยะไหน จะมินาชิวาลาญ
ผูอานยอมจะเขาใจไดวาหิ่งหอยนั้นหมายถึงกองทัพมคธสวนสุริยะนั้นหมายถึงกองทัพวัชชี
3. บุคคลวัต หรือบุคคลสมมุต ิ
การใชโวหารรูปแบบนี้ เปนการสมมุติสิ่งตางๆ ใหมีกิริยาอาการ มีความรูสึกเหมือนมนุษย เชน
วัชชีผูมีผอง สดับกลองกระหึมขาน
ทุกไทไปเอาภาร ณ กิจเพื่อเสด็จไป”
คําวา “ขาน” ปกติหมายถึงการกลาว เรียก หรือพูดตอบของมนุษย แตนํามาใชกับกลองที่เปนสิ่งของ
เพื่อสรางจินตภาพใหเห็นวาเสียงของกลองเปนสิ่งที่ใชเรียกหรือพูด ใหผูฟงไดยินอยางชัดเจน
4. อติพจน
เปนการกลาวผิดไปจากที่เปนจริง เพื่อใหเรื่องที่แตงดูนาสนใจ นาติดตาม เชน
ตื่นตาหนาเผือด หมดเลือดสั่นกาย
หลบลี้หนีตาย วุนหวั่นพรั่นใจ
ซุกครอกซอกครัว ซอนตัวแตกภัย
เขาดงพงไพร ทิ้งยานบานตน”
9
จากบทประพันธขางตน ผูแตงไดใชคําวา “ตื่นตาหนาเผือด หมดเลือดสั่นกาย” เพื่อแสดงถึงความตื่น
ตระหนกของชาวบานเมื่อเกิดการรุกราน โดยวรรคนี้ทําใหรูวาตกใจและหวาดกลัวมาก ผานการใชอติพจน อีก
ทั้งยังเปนการทําใหผูอานเห็นภาพ และคิดตามไดอีกดวย
5. นามนัย
นามนัย เปนการใชชื่อสวนประกอบที่เดนของสิ่งหนึ่งแทนสิ่งนั้นๆทั้งหมด โดยมีสวนประกอที่เกี่ยวของ
กัน เชน
“แมมากผิกิ่งไม ผิวใครจะใครลอง
มัดกํากระนั้นปอง พลหักก็เต็มทน
เหลาไหนผิไมตรี สละลี้ ณ หมูตน
กิจใดจะขวายขวน บ มิพรอมมิเพรียงกัน”
ในประโยคที่วา “แมมากผิกิ่งไม ผิวใครจะใครลอง มัดกํากระนั้นปอง พลหักก็เต็มทน” กิ่งไมกิ่งเดียว
สามารถหักไดดวยมือเปลา แตหากถูกมัดเปนกํา จะไมสามารถ หักมันได แสดงใหเห็นวานายชิต บุรทัตใช
ลักษณะเดนของกําของกิ่งไมแทนความสามัคคีและเปนหนึ่งเดียวกันในหมูคณะ ซึ่งแปลไดวา เมื่อรวมมือกัน จะ
กอเกิดเปนความสามัคคีที่ปญหาหรือแรงภายนอกก็ไมสามารถที่จะทําลายความสามัคคีนี้ลงได
การอานและพิจารณาประโยชนหรือคุณคาในวรรณคดีและวรรณกรรม
คุณคาดานอารมณ
จุดเดนอยางหนึ่งของสามัคคีเภทคําฉันทคือความสามารถที่ทําใหผูอื่นมีอารมณคลอยตามกับเนื้อเรื่อง
ไดดีเยี่ยมโดยการ
1. ทําใหผูอานเกิดอารมณโปรงปติ คลอยตามบทประณามพจนในตอนตนเรื่อง เชน
ขอนอมคุณพระคเณศวิเศษศิลปธร
เวทางคบวร กวีเปนเจาแหงวิทยาวราภรณศรี
สุนทรสุวาที วิธาน
2. ทําใหผูอานเกิดอารมณชื่นชมยินดี เชน
อําพนพระมนทิรพระราช สุนิวาสนวโรฬาร
10
อัพภันตรไพจิตรและพา หิรภาคก็พึงชม
เลหเลื่อนชะลอดุสิตฐา นมหาพิมานรมย
มารังสฤษฎิ์พิศนิยม ผิจะเทียบก็ทัน
3. ทําใหผูอานเกิดอารมณตื่นเตน เอาถึงอารมณืของเนื้อเรื่อง เชน
ตื่นตาหนาเผือด หมดเลือดสั่นกาย
หลบลี้หนีตาย วุนหวั่นพรั่นใจ
ซุกครอกซอกครัว ซอนตัวแตกภัย
เขาดงพงไพร ทิ้งยางบานตน
4. สรางอารมณผูอานใหเกิด หรือรูสึกถึงอารมณโกรธ เชน
ศึก บ ถึงและมึงก็ยังมิเห็น
จะนอยจะมากจะยากจะเย็น ประการใด
อวดฉลาดและคาดแถลงเพราะใจ
ขยาดขยั้นมิทันอะไร ก็หมิ่นกู
5. สรางอารมณผูอานใหเกิดอารมณหวาดกลัว เชน
ผันพระกายกระทืบพระบาทและอึง พระศัพทสีหนาทพึง
สยองภัย เอออุเหมณมึงชิชางกระไร
ทุทาสสถุลฉะนี้ไฉน ก็มาเปน
คุณคาดานวรรณศิลป
สามัคคีเภทคําฉันทมีการใชฉันทลักษณไดอยางงดงามและเหมาะสมกับเนื้อเรื่อง เนื่องจากกวีเลือกสรร
ถอยคํา มีการเลนเสียงสัมผัสทั้งพยัญชนะและสระ จึงเกิดความไพเราะสละสลวย เชน
แตกราวกราวรายก็ปายปาม ลุวรบิดรลาม
ทีละนอยตาม ณ เหตุผล
ฟนเฝอเชื่อนัยดนัยตน นฤวิเคราะหเสาะสน
สืบจะหมองมล เพราะหมายใด
11
อีกทั้งยังใชคํางายๆ มีการบรรยายและพรรณนาตัวละครไดอยางกระชับ แตสรางภาพใหผูอานสามารถ
จินตนาการตามได เชน
ขาวเศิกเอิกอึง ทราบถึงบัดดล
ในหมูผูคน ชาวเวสาลี
แทบทุกถิ่นหมด ชนบทบูร ี
อกสั่นขวัญหนี หวาดกลัวทั่วไป
ตื่นตาหนาเผือด หมดเลือดสั่นกาย
หลบลี้หนีตาย วุนหวั่นพรั่นใจ
ซุกครอกซอกครัว ซอนตัวแตกภัย
เขาดงพงไพร ทิ้งยานบานตน
สามัคคีเภทคําฉันท เปนฉันททีมีความหลากหลายมาก เนื่องจกผูแตงไดเลือใฉันทแตละชนิดแตงเรื่อง
สลับกันไป เพื่อใหเห็นถึงความสวยงาม ไพเราะ โดยฉันทที่ผูแตงใชในเรื่องนี้มีทั้งหมด ๑๘ ชนิด เชน ภุชงคประ
ยาตฉันท ๑๒ มาณวกฉันท ๘ อุเปนทรวิเชียรฉันท ๑๑ สัทธราฉันท ๒๑ สาลินีฉันท ๑๑ อุปฏฐิตาฉันท ๑๑
วิชชุมมาลาฉันท ๘ อินทรวิเชียรฉันท ๑๑ จิตรปทาฉันท ๘ และสัททุลวิกกีิตฉันท ๑๙
คุณคาดานสังคม
สามัคคีเภทคําฉันทยังเเสดงใหเห็นถึงขอคิดเเละเตือนสติผูอานในการใชชีวิตหลายเรื่องโดยเนนสอน
เรื่องการใชชีวิต และความสามมัคคี ผูแตงตองการจะสื่อวา ในการใชชีวิต เราจะตองเจอกับผูคนมากมาย
ทํางานดวยกัน และเพื่อที่จะใหประสบผลสําเร็จนั้น ทุกคนในกลุมควรชวยเหลือกันและกัน ทั้งทํางาน และแก
ปญหาที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากการขาดความสามัคคี อาจกอใหเกิดการทะเลาะเบาะแวง และความเสียหายดาน
อื่นๆ บทประพันธบทนี้สอนใหใชสติในการแกปญหาแทนใชกําลัง การพยายามที่จะทําสิ่งตางๆ อีกทั้งยังสะทอน
ใหเห็นถึงสะภาพสังคมที่เปนอยูในปจจุบันดวย
12
บรรณานุกรม
คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, สํานักงาน. หนังสือเรียนรายวิชาขั้นพื้นฐานภาษาไทย วรรณคดี
จักษ พิมพครั้ง ที่ ๕. กรุงเทพฯ : สกสค. ลาดพราว, ๒๕๕๗. ๑๖๙ หนา
Roberto Jose Martinez. (2556, December 16). สามัคคีเภทคําฉันท. [เว็บบล็อก]. สืบคนจาก
http://samakkeepeatchant.blogspot.com/2013/12/blog-post_3427.html
ทิพวัลย ขาวคง. (n.d.). สามัคคีเภทคําฉันท. [เว็บบล็อก]. สืบคนจาก
https://nidkawkong.wordpress.com/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0
%B8%84%E0%B8%84%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%A0%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%
B8%B3%E0%B8%89%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B9%8C/
กัลยาณี ถนอมแกว. (2010, January 21). วิจารณตัวละครเรื่องสามัคคีเภทคําฉันท. [เว็บบล็อก].
สืบคนจาก https://www.gotoknow.org/posts/329717
13