Você está na página 1de 13

Active Learning การจัดการเรียนรูเ้ พือ

่ การพัฒนาทีย่ ่งั ยืน


หลักการ/แนวคิด
Active Learning
เป็ นแนวการจัด การเรี ย นรู ้ที่ม าจากฐานคิด มาจากปรัช ญาพิ พ ฒ ั นาการนิ ย ม
( Progressivism) แ ล ะ ท ฤ ษ ฎี ส ร้ า ง ส ร ร ค์ อ ง ค์ ค ว า ม รู ้ ( Constructivist)
ซึ่ ง เ ป็ น ท ฤ ษ ฎี ที่ มี ค ว า ม เ ชื่ อ ว่ า
ค ว า ม รู ้ เ กิ ด จ า ก ก า ร ที่ ผู้ เ รี ย น มี ป ฏิ สั ม พั น ธ์ กั บ สิ่ ง แ ว ด ล้ อ ม
ก า ร ไ ด้ รั บ ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ ต ร ง ห รื อ ก า ร ฝึ ก ป ฏิ บั ติ เ ป็ น ก า ร จั ด
ก า ร เ รี ย น รู ้ ที่ เ น้ น ผู้ เ รี ย น เ ป็ น ส า คั ญ ( Student - centered)
เปิ ดโอกาสให้ผู้เ รี ย นการลงมื อ ปฏิบ ต ั ิกิจ กรรม ฝึ กทัก ษะที่ส าคัญ อาทิ
การแก้ ไ ขปั ญ หา การคิ ด วิ เ คราะห์ สัง เคราะห์ การประเมิ น และลงข้ อ สรุ ป
การสื่ อ สาร ครู มี บ ทบาทในฐานะเป็ นผู้ อ านวยความสะดวก ( Facilitators)
ในการเรี ย นรู ้ และเป็ นผู้ชี้ แ นะ (Coach) ให้ก บ ั ผู้เ รี ย น ทั้ง นี้ การเรี ย นรู ้ด้ว ย
Active Learning ตั้ ง อ ยู่ บ น ส ม ม ติ ฐ า น 2 ป ร ะ ก า ร คื อ 1)
ก า ร เ รี ย น รู ้ เ ป็ น ค ว า ม พ ย า ย า ม โ ด ย ธ ร ร ม ช า ติ ข อ ง ม นุ ษ ย์ แ ล ะ 2)
บุคคลแต่ละบุคคลมีแนวทางในการเรียนรูท ้ ีแ
่ ตกต่างกัน (Mayers and Jones,
1993)
ความสาคัญของการเรียนรูแ
้ บบ Active Learning
ก า ร เ รี ย น รู ้ แ บ บ Active Learning
เ ป็ น แ น ว ท า ง ก า ร จั ด ก า ร เ รี ย น รู ้ ใ น ศ ต ว ร ร ษ ที่ 21
ทีต
่ อบโจทย์ของการสร้างทักษะการเรียนรูใ้ ห้กบ ั ผูเ้ รียนมากกว่าการจดจาเนื้ อหาค
วามรู ้ การเรียนรูด ้ ว้ ยการลงมือปฏิบตั จิ ะช่วยให้ผเู้ รียนมีความเข้าใจทีก
่ ระจ่างชัด
ไ ด้ ฝึ ก ทั ก ษ ะ ที่ ส า คั ญ ห ล า ก ห ล า ย ป ร ะ ก า ร น อ ก จ า ก นี้
ยังช่วยเพิม ่ ความสามารถในการจดจาบทเรียน ซึง่ มีผลงานวิจยั หลายเรือ ่ งยืนยันว่า
Active Learning สามารถช่ว ยพัฒ นาประสิท ธิภ าพในการเรี ย นรู ้ข องผู้เ รี ย น
มี เ จ ต ค ติ ที่ ดี ต่ อ เ พื่ อ น แ ล ะ ก ร ะ บ ว น ก า ร เ รี ย น รู ้
ช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ ทางสังคมระหว่างผูเ้ รียนกับผูเ้ รียน และผูเ้ รียนกับครู
อีกทัง้ ช่วยสร้างชุมชนการเรียนรูใ้ นชัน
้ เรียน
ความส าคัญ ของ Active Learning ที่มี ต่อ ประสิท ธิภ าพการเรี ย นรู ้ข องผู้เ รี ย น
สามารถอธิบายได้ ดังภาพ

ALสาธิต 1
จากรูปจะเห็นได้วา่ กรวยแห่งการเรียนรูน ้ ี้ได้แบ่งเป็ น 2 กระบวนการ คือ
1. กระบวนการเรียนรูแ ้ บบรับ ความรู ้ (Passive Learning)
- การเรียนรูโ้ ดยการอ่าน ท่องจา ผู้เรียนจะจาได้ในสิ่งที่เรียนเพี ย ง
20%
-
การเรียนรูโ้ ดยการฟังบรรยายเพียงอย่างเดียวโดยทีผ ่ เู้ รียนไม่มีโอกาสได้มี
ส่วนร่วมใน
การเรียนรูด ้ ว้ ยกิจกรรมอืน ่ ในขณะทีค ่ รูสอน เมือ ่ เวลาผ่านไปผูเ้ รียนจะจาได้เพียง
20 % ห า ก ใ น กิ จ ก ร ร ม ก า ร เ รี ย น รู ้
ผูเ้ รียนมีโอกาสได้เห็นภาพประกอบด้วยก็จะทาให้ผลการเรียนรูค ้ งอยูไ่ ด้เพิม ้ เ
่ ขึน
ป็ น 30 %
- การเรี ย นรู ้ที่ ผู้ ส อนจัด ประสบการณ์ ใ ห้ ก บ ั ผู้ เ รี ย นเพิ่ ม ขึ้ น เช่ น
การให้ดภ ู าพยนตร์ การสาธิต
จัด นิ ท รรศการให้ผู้เ รี ย นได้ดู รวมทั้ง การน าผู้เ รี ย นไปทัศ นศึก ษาหรื อ ดู ง าน
ก็ทาให้ผลการเรียนรูเ้ พิม ่ ขึน้ เป็ น 50 %
2. กระบวนการเรียนรูด ้ ว้ ยการปฏิบตั ิ (Active Learning)
-
ผูเ้ รียนมีบทบาทในการแสวงหาความรูแ ้ ละเรียนรูอ้ ย่างมีปฏิสม ั พันธ์จนเกิด
ความรู ้ ความ
เข้ า ใจ น าไปประยุ ก ต์ ใ ช้ สามารถวิ เ คราะห์ สัง เคราะห์ ประเมิ น ค่ า หรื อ
ส ร้ า ง ส ร ร ค์ สิ่ ง ต่ า ง ๆ แ ล ะ พั ฒ น า ต น เ อ ง เ ต็ ม ค ว า ม ส า ม า ร ถ ร ว ม ถึ ง
การจัด ประสบการณ์ ก ารเรี ย นรู ้ใ ห้ ไ ด้ร่ ว มอภิป ราย ให้ ฝึ กทัก ษะการสื่อ สาร
ทาให้ผลการเรียนรูเ้ พิม ่ ขึน้ เป็ น 70 %
- การนาเสนอผลงานทางการเรียนรู ้ ทีท ่ ง้ ั มีการฝึ กปฏิบตั ใิ นสภาพจริง
มีการเชือ ่ มโยงกับสถานการณ์ ตา่ งๆ จะทาให้ผลการเรียนรูเ้ กิดขึน ้ ถึง 90%

องค์ประกอบ/ลักษณะสาคัญ
ลักษณะสาคัญของ Active Learning มีดงั นี้
1. ผูเ้ รียนมีสว่ นร่วมในกิจกรรมการเรียนรูท ้ ห
ี่ ลากหลาย
2. ตระหนักถึงคุณค่าในตัวผูเ้ รียน
3. เน้นการพัฒนาทักษะทีส ่ าคัญ มากกว่าการจดจาเนื้อหาการเรียน
4. ผูเ้ รียนได้รบ ั ข้อมูลย้อนกลับ (Feedback) ทันทีจากผูส ้ อน
5. ผู้ เ รี ย นได้ ฝึ กทัก ษะการคิ ด ขั้น สู ง ได้ แ ก่ การคิ ด วิ เ คราะห์
การคิดสังเคราะห์
ALสาธิต 2
6. เพิม
่ แรงจูงใจในการเรียนให้กบ
ั ผูเ้ รียน

Active Learning สามารถแบ่งออกเป็ น 2 ประเภท ได้แก่


1. รูปแบบการจัดการเรียนรูท ้ เี่ น้น Active Learning ด้วยกระบวนการ
เ ป็ น ก า ร จั ด ก า ร เ รี ย น รู ้ ที่ มี ล า ดั บ ขั้ น ต อ น เ น้ น ก ร ะ บ ว น ก า ร เ รี ย น รู ้
ที่ พั ฒ น า ทั ก ษ ะ ก า ร คิ ด ทั ก ษ ะ ก า ร ป ฏิ บั ติ ทั ก ษ ะ ก า ร ป ร ะ ยุ ก ต์ ใ ช้
และทักษะการประเมินเพื่อกากับตนเอง รวมเป็ นการสร้างนิสยั แห่งการเรีย นรู ้
ก ร ะ บ ว น ก า ร พั ฒ น า ทั ก ษ ะ ก า ร คิ ด อ ย่ า ง เ ป็ น ร ะ บ บ นี้ เ รี ย ก ว่ า GPAS
ด้ ว ย ก า ร ก า ร บู ร ณ า ก า ร เ นื้ อ ห า ( K) ทั ก ษ ะ ก ร ะ บ ว น ก า ร ( P)
ค่ า นิ ย ม แ ล ะ คุ ณ ลั ก ษ ณ ะ ต่ า ง ๆ ( A) ใ ห้ กั บ ผู้ เ รี ย น อ ย่ า ง ส ม่ า เ ส ม อ
ก็ จะก ลาย เป็ นบุ ค ลิ ก ภาพติ ด ตัว ผู้ เ รี ย นไป ให้ เ ป็ นบุ ค คลที่ เ รี ย นรู ้ ไ ด้ เ อง
พัฒ นาได้เ องอย่า งต่อ เนื่ อ ง ตอบสนองนโยบาย Thailand 4.0 มั่น คง มั่ง คั่ง
ยั่งยืน และนาไปสู่การเป้ าหมายการพัฒนาทีย่ ่ งั ยืนของสหประชาชาติได้อี กด้วย
ได้ แ ก่ การรวบรวมข้ อ มู ล (Gathering : G) การท าข้ อ มู ล ให้ มี ค วามหมาย
จัด กลุ่ ม คิ ด วิ เ คราะห์ วิ จ ารณ์ (Processing :P) วางแผนน าไปใช้ เพิ่ ม พู น
(Applying :A) และ ประเมินปรับปรุงงานอยู่เสมอทุกขัน ้ ตอน เพือ่ กากับตนเอง
(S: Self Regulating) ดังภาพ

Active Learning ด้วยกระบวนการ GPAS

ซึ่งกระบวนการ GPAS นี้ จะครอบคลุม กระบวนการจัด การเรีย นรู ้ต่า งๆ


แทบทัง้ หมด ทีใ่ ช้กน ั อยูไ่ ม่วา่ จะเป็ นการเรียนรูโ้ ดยใช้ปญ
ั หาเป็ นฐาน (Problem-
based Learning : PBL ) การเรี ย นรู ้โ ดยใช้ โ ครงงานเป็ นฐาน (Project-
based Learning : PBL) การเรียนรูแ ้ บบร่วมมือ (Cooperative Learning)
ก า ร เ รี ย น รู ้ แ บ บ ร่ ว ม แ ร ง ร่ ว ม ใ จ ( Collaborative Learning)
ALสาธิต 3
ก า ร เ รี ย น รู ้ โ ด ย ใ ช้ วิ จั ย เ ป็ น ฐ า น ( Research- based Learning : RBL)
ก า ร เ รี ย น รู ้ แ บ บ สื บ ค้ น ค ว า ม รู ้ ( Inquiry- based Learning : IBL)
การเรี ย นรู ้ โ ดยใช้ กิ จ กรรมเป็ นฐาน ( Activity-Based Learning : ABL)
ก ารเรี ย นรู ้ เ ชิ ง ประสบก ารณ์ ( Experiential Learning) ก ารเรี ย นรู ้ ด้ ว ย
การค้ น พบ (Discovery Learning) การเรี ย นรู ้ แ บบสะเต็ ม ศึ ก ษา (Stem
Education) เป็ นต้น ซึง่ แสดงตัวอย่างความสัมพันธ์ได้ดงั นี้

ความสัมพันธ์สอดคล้องของกระบวนการเรียนรูท ้ างวิศวกรรม(Engineerin
g Procedure) และกระบวนการเรียนรูท ้ างเทคโนโลยี (Technology
Procedure) กับ GPAS

ความสัมพันธ์สอดคล้องของกระบวนการเรียนรูส้ ะเต็มศึกษา กับ GPAS

ALสาธิต 4
2. เ ท ค นิ ค ก า ร จั ด ก า ร เ รี ย น รู ้ ด้ ว ย กิ จ ก ร ร ม Active Learning
เ ป็ น เ ท ค นิ ค ที่ ส า ม า ร ถ น า ไ ป ใ ช้ ป รั บ ป รุ ง
เพิ่ม เติม ในกิจกรรมการเรีย นรูป ้ กติ ที่ได้วางแผนไว้แ ล้วแต่ย งั ค่อ นข้า งจะเป็ น
Passive Learning โ ด ย ก า ร ป รั บ ป รุ ง น า กิ จ ก ร ร ม ม า ย่ อ ย ๆ ม า เ ส ริ ม
ให้ ผู้ เ รี ย นมี ส่ ว นร่ ว มในกิ จ กรรม ได้ ค้ น หา แลกเปลี่ ย น ได้ คิ ด วิ เ คราะห์
ได้ตอบคาถาม ได้ลงมือทา ได้อภิปราย และอืน ่ ๆ ใช้ได้ทง้ ั ในขัน้ นาเข้าสู่บทเรียน
ขั้ น จั ด กิ จ ก ร ร ม ก า ร เ รี ย น รู ้ แ ล ะ ขั้ น ส รุ ป
ผู้ ส อนสามารถเลื อ กกิ จ กรรมที่ เ หมาะสมไปใช้ เ พื่ อ ให้ ผู้ เ รี ย นมี ส่ ว นร่ ว ม
ลงมื อ ปฏิบ ต ั ิ และเกิด การเรี ย นรู ้ม ากที่สุ ด เทคนิ ค จัด การเรี ย นรู ้ด้ว ยกิจ กรรม
Active Learning มี ห ล า ก ห ล า ย เ ท ค นิ ค เ ช่ น Active reading , Brain
storming , Gallery walk , Jigsaw , Think-Pair-Share , Question and
Answer Pairs , Round table เ ป็ น ต้ น
และได้นาเสนอไว้ในส่วนท้ายของบทความนี้
ความสาคัญของการเรียนรูแ
้ บบ Active Learning
ก า ร เ รี ย น รู ้ แ บ บ Active Learning
เ ป็ น แ น ว ท า ง ก า ร จั ด ก า ร เ รี ย น รู ้ ใ น ศ ต ว ร ร ษ ที่ 21
ทีต
่ อบโจทย์ของการสร้างทักษะการเรียนรูใ้ ห้กบ ั ผูเ้ รียนมากกว่าการจดจาเนื้ อหาค
วามรู ้ การเรียนรูด ้ ว้ ยการลงมือปฏิบตั จิ ะช่วยให้ผเู้ รียนมีความเข้าใจทีก
่ ระจ่างชัด
ไ ด้ ฝึ ก ทั ก ษ ะ ที่ ส า คั ญ ห ล า ก ห ล า ย ป ร ะ ก า ร น อ ก จ า ก นี้
ยังช่วยเพิม ่ ความสามารถในการจดจาบทเรียน ซึง่ มีผลงานวิจยั หลายเรือ ่ งยืนยันว่า
Active Learning สามารถช่ว ยพัฒ นาประสิท ธิภ าพในการเรี ย นรู ้ข องผู้เ รี ย น
มี เ จ ต ค ติ ที่ ดี ต่ อ เ พื่ อ น แ ล ะ ก ร ะ บ ว น ก า ร เ รี ย น รู ้
ช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ ทางสังคมระหว่างผูเ้ รียนกับผูเ้ รียน และผูเ้ รียนกับครู
อีกทัง้ ช่วยสร้างชุมชนการเรียนรูใ้ นชัน
้ เรียน
ALสาธิต 5
เทคนิคการจัดการเรียนรู ้ Active Learning
ที่ เทคนิค วิธีการดาเนินการ
1 Active ใ ห้ นั ก เ รี ย น อ่ า น บ ท ค ว า ม / บ ท อ่ า น
readin แล้ ว แลกเปลี่ ย นความคิ ด กับ เพื่ อ นเกี่ ย วกับ สิ่ ง ที่ อ่ า น
g สรุปสิง่ ทีอ
่ า่ นเป็ น ผังมโนทัศน์ (Concept Map)

2 Brain กาหนดหัวข้อและเวลา แบ่งกลุ่มผูเ้ รียน กลุ่มละ 4-5 คน


stormin ร่ ว ม กั น อ ภิ ป ร า ย เ พื่ อ ห า ข้ อ ส รุ ป ข อ ง ก ลุ่ ม
g บันทึกแนวคิดของทุกคนในกลุม ่ นาเสนอข้อสรุปของกลุม ่
3 Agree ผู้ ส อ น ตั้ ง ค า ถ า ม ใ ห้ ผู้ เ รี ย น ต อ บ
& อาจใช้ ส ญ ั ลัก ษณ์ แสดงค าตอบ เช่ น กระดาษสี แ ดง :
Disagr เ ห็ น ด้ ว ย , ก ร ะ ด า ษ สี น้ า เ งิ น : ไ ม่ เ ห็ น ด้ ว ย
ee เ มื่ อ นั ก เ รี ย น ย ก สั ญ ลั ก ษ ณ์ แ ล้ ว
statem ผู้ ส อ น ใ ห้ นั ก เ รี ย น เ ข้ า ก ลุ่ ม ที่ เ ห มื อ น กั น
ent ร่วมกันอภิปรายแลกเปลีย่ นเกีย่ วกับเหตุผลทีเ่ ลือกเห็นด้วย
แ ล ะ ไ ม่ เ ห็ น ด้ ว ย
หลังจากนัน ้ จึงให้ตวั แทนกลุม
่ ออกมานาเสนอ
4 Carous ก า ห น ด หั ว เ รื่ อ ง
el แ ล้ ว แ บ่ ง เ ป็ น หั ว ข้ อ ย่ อ ย ที่ เ กี่ ย ว ข้ อ ง สั ม พั น ธ์ กั น
แบ่งกลุม ่ ผูเ้ รียนให้ได้จานวนกลุม ่ เท่ากับจานวนหัวข้อย่อย
จากนั้น เขี ย นหัว ข้ อ ย่ อ ยๆ ลงบนกระดาษโปสเตอร์
แ ล้ ว ติ ด ไ ว้ ร อ บ ๆ ห้ อ ง
แต่ละกลุม ่ ระดมความคิดและเขียนลงในกระดาษโปสเตอร์
เ มื่ อ ค ร บ 2- 3 น า ที
เ ป ลี่ ย น ไ ป ร ะ ด ม ค ว า ม คิ ด ห น้ า โ ป ส เ ต อ ร์ ถั ด ไ ป
โ ด ย อ่ า น แ น ว คิ ด ข อ ง ก ลุ่ ม ก่ อ น ห น้ า
ถ้าเห็นด้วยให้ใส่เครือ ่ งหมายถูกและเพิม ่ สิง่ ทีค
่ ด
ิ เห็นแตกต่
าง จากนัน ้ สรุปสิง่ ทีไ่ ด้เรียนรูร้ ว่ มกัน
5 Gallery ก า ห น ด หั ว ข้ อ เ รื่ อ ง เ ขี ย น แ น ว คิ ด วิ ธี ก า ร
Walk ล ง บ น ก ร ะ ด า ษ โ ป ส เ ต อ ร์ แ ล้ ว ติ ด ไ ว้ ร อ บ ๆ ห้ อ ง

ALสาธิต 6
ที่ เทคนิค วิธีการดาเนินการ
เพื่ อ ให้ แ ลกเปลี่ ย นเรี ย นรู ้ ร ะหว่ า งการเดิ น ชมผลงาน
(อาจมอบหมายให้ทาเป็ นกลุม ่ และในขัน ้ ตอนการนาเสนอ
ให้ มี ต วั แทนกลุ่ ม 1 คน ประจ าอยู่ ที่ ผ ลงานกลุ่ ม ติด อยู่
เพือ
่ ให้ขอ ้ มูลกับผูท
้ ม
ี่ าเยีย่ มชมผลงาน)
6 Jigsaw ผู้ ส อ น เ ลื อ ก เ นื้ อ ห า ที่ แ บ่ ง เ ป็ น ส่ ว น ๆ 3- 4 ชิ้ น
แ บ่ ง ผู้ เ รี ย น เ ป็ น ก ลุ่ ม ๆ โ ด ย มี ส ม า ชิ ก ใ น ก ลุ่ ม เ ท่ า ๆ
กันกับเนื้อหา
( Home group)
สมาชิกแต่ละคนเลือกเนื้อหาทีต ่ นสนใจแล้วไปร่วมกับสมา
ชิ ก จ า ก ก ลุ่ ม อื่ น ( Expert group) เ พื่ อ ศึ ก ษ า
ท า ค ว า ม เ ข้ า ใ จ ห รื อ ห า ค า ต อ บ ร่ ว ม กั น ใ น ก ลุ่ ม
จากนัน ้ กลับไปสอนทีก ่ ลุม ่ เดิมของตนจนครบถ้วน

7 Think – ผู้สอนเป็ นผู้ตง้ ั คาถามให้ผู้เรียนคิดหาคาตอบด้วยตนเอง


Pair – หลังจากนัน ้ จึงอภิปรายแลกเปลีย่ นความคิดเห็นกันกับเพือ ่
Share น ใ น ชั้ น เ รี ย น เ ริ่ ม จ า ก ก ลุ่ ม ล ะ 2- 3 ค น
แล้วจึงเสนอต่อกลุม ่ ใหญ่
8 Predict จ า ล อ ง ส ถ า น ก า ร ณ์ ที่ เ กี่ ย ว ข้ อ ง กับ เ รื่ อ ง ที่ จ ะ เ รี ย นรู ้
– โ ด ย ผู้ เ รี ย น เ ขี ย น ท า น า ย สิ่ ง ที่ น่ า จ ะ เ กิ ด ขึ้ น
Observ สั ง เ ก ต แ ล ะ บั น ทึ ก ผ ล อ ธิ บ า ย สิ่ ง ที่ สั ง เ ก ต ไ ด้
อาจท าการทดลอง ส ารวจหรื อ ค้น คว้า เพิ่ม เติม ได้ เช่ น
e –
กิจ กรรมพลัง งานเพื่อ อนาคต ผู้ส อนให้ผู้เ รี ย นแบ่ง กลุ่ม
Explain โดย แต่ ล ะก ลุ่ ม จะได้ ร ับ อุ ป ก รณ์ ก ารท ด ลอ ง ได้ แ ก่
แ ผ่ น โ ซ ล า เ ซ ล ล์ 2 ช นิ ด มัล ติ มิ เ ต อ ร์ ไ ม้ บ ร ร ทั ด
ก ร ะ ด า ษ สี ด า แ ล ะ โ ค ม ไ ฟ
เพือ่ ให้แต่ละกลุม ่ ทาการทดลองเพือ ่ วิเคราะห์วา่ แผ่นโซลาเ
ซ ล ล์ ช นิ ด ใ ด มี ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ ดี ก ว่ า กั น
แ ล ะ ใ ห้ อ อ ก แ บ บ เ ป็ น ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์
นาเสนอผลงานกลุม ่ หน้าชัน้ เรียน เป็ นต้น
9 Card ผูส
้ อนจัดเตรียมบัตรคา/บัตรภาพไว้ให้ผเู้ รียนจัดกลุ่มบัตร
Sorts ภ า พ นั้ น ๆ
และต้องอธิบายเกณฑ์ที่ใช้จด ั กลุ่มให้เพื่อ นและผู้ส อนฟัง
และอภิปรายร่วมกันในชัน ้ เรียน

ALสาธิต 7
ที่ เทคนิค วิธีการดาเนินการ
1 Chain ผูส
้ อนเตรียมคาถาม/ข้อความทีเ่ กีย่ วข้องกับเนื้อหาทีต ่ อ้ งก
0 Note า ร ไ ว้ โ ด ย อ า จ พิ ม พ์ ล ง บ น ก ร ะ ด า ษ A4
แล้ ว ให้ ผู้เ รี ย นแต่ ล ะคนตอบค าถามหรื อ ข้ อ ความนั้น ๆ
เ พี ย ง 1- 2 ป ร ะ โ ย ค
จากนัน ้ ส่งต่อกระดาษแผ่นนัน ้ ให้เพื่อนทีน ่ ่ งั ถัดไปเพือ ่ ช่วย
กั น ต อ บ ค า ถ า ม นั้ น ใ ห้ ส ม บู ร ณ์ ยิ่ ง ขึ้ น
ส า ม า ร ถ ใ ช้ ก่ อ น เ รี ย น ห รื อ ห ลั ง เ รี ย น ไ ด้
แ ล ะ ค ว ร ส่ ง ก ร ะ ด า ษ แ ผ่ น นั้ น ก ลั บ ใ น ทิ ศ ท า ง เ ดิ ม
เพือ่ ให้ผท ู้ เี่ ขียนก่อนได้อา่ นความเห็นทัง้ หมดด้วย
1 Studen เ ป็ น ก า ร ใ ห้ ผู้ เ รี ย น ไ ด้ ส ะ ท้ อ น ค ว า ม คิ ด
1 ts’ อ า จ จ ะ ใ ห้ ผู้ เ รี ย น ส รุ ป สิ่ ง ที่ ไ ด้ เ รี ย น รู ้ ใ น ค า บ เ รี ย น
Reflect เสนอแนะเกี่ ย วกับ การเรี ย น ถามค าถามที่ ย ัง สงสัย
หรือให้ผเู้ รียนค้นคว้าเพิม ่ เติมเกีย่ วกับสิง่ ทีเ่ รียน เช่น
ion
- Know – Want – Learned (KWL) เมือ ่ เริม ่ ต้นบทเรียน
ให้ผเู้ รียนเขียนสิง่ ทีร่ ูแ้ ละสิง่ ทีอ ่ ยากรูเ้ กีย่ วกับเนื้อหาทีจ่ ะเรี
ยน เมือ ่ จบบทเรียน ให้ผเู้ รียนเขียนสรุปสิง่ ทีไ่ ด้เรียนรู ้
- Got – Need แ ล ะ Exit Ticket เ มื่ อ จ บ บ ท เ รี ย น
ใ ห้ ผู้ เ รี ย น เ ขี ย น สิ่ ง ที่ ไ ด้ เ รี ย น รู ้
อ า จ เ ป็ น ก า ร ส รุ ป ร่ ว ม กั น ห น้ า ชั้ น เ รี ย น
และวางแผนกิจกรรมการเรียนจากสิง่ ทีอ ่ ยากรูเ้ พิม ่ เติม
- Diary/ Journal Note เ ขี ย น ส รุ ป สิ่ ง ที่ ไ ด้ เ รี ย น รู ้
คาถามทีย่ งั สงสัย ความในใจ
1 One เป็ นกิจกรรมทีก ่ าหนดให้ผเู้ รียนเขียนสิง่ ทีก ่ าหนดให้ลงใน
2 minute ก ร ะ ด า ษ โ ด ย ก า ห น ด เ ว ล า ใ ห้ 1 น า ที
paper อ า จ ป รั บ ใ ช้ ส า ห รั บ ขั้ น น า เ ข้ า สู่ บ ท เ รี ย น
เพือ ่ เป็ นการตรวจสอบความรูเ้ ดิมของผูเ้ รียน หรือขัน ้ สรุป
สาหรับให้ผเู้ รียนสรุปความรูจ้ ากการเรียน
1 Rally เป็ นเทคนิควิธีเรียนแบบร่วมมือทีน ่ กั เรียนแบ่งเป็ นกลุม ่ ย่อ
3 robin ย แ ล้ ว ค รู เ ปิ ด โ อ ก า ส ใ ห้ นั ก เ รี ย น ไ ด้ พู ด ต อ บ
แสดงความคิดเห็นเป็ นคู่ ๆ แต่ละคู่จะผลัดกันพูดและฟัง
โดยใช้เวลาเท่าๆ กัน
1 Rally เ ป็ น เ ท ค นิ ค ค ล้ า ย กั บ ก า ร พู ด เ ป็ น คู่
4 table ต่างกันเพียงแต่ละคูผ
่ ลัดกันเขียนหรือวาดแทนการพูด

ALสาธิต 8
ที่ เทคนิค วิธีการดาเนินการ
1 Round เป็ นเทคนิ ค ที่เ ปิ ดโอกาสให้น กั เรี ย นในกลุ่ม ผลัด กัน พู ด
5 robin ต อ บ
อธิบายซึง่ เป็ นการพูดทีผ่ ลัดกันทีละคนตามเวลาทีก ่ าหนดจ
นครบทุกคน (อาจเป็ นกลุม ่ ใหญ่หรือกลุม ่ ย่อย)
1 Round เป็ นเทคนิคทีเ่ หมือนกับการพูดรอบวงแตกต่างกันทีเ่ น้นกา
6 table ร เ ขี ย น แ ท น ก า ร พู ด
เมื่ อ ครู ถ ามปั ญ หาหรื อ ให้ น ัก เรี ย นแสดงความคิ ด เห็ น
นักเรียนจะผลัดกันเขียนลงในกระดาษทีเ่ ตรียมไว้ทีละคน
ตามเวลาทีก ่ าหนด
1 Simult เ ท ค นิ ค นี้ เ ห มื อ น ก า ร เ ขี ย น ร อ บ ว ง
7 aneous แตกต่างกันทีเ่ น้นให้สมาชิกทุกคนในกลุม ่ เขียนคาตอบพร้
round อมกัน
table

1 Pairs เ ป็ น เ ท ค นิ ค ที่ ใ ห้ ส ม า ชิ ก ใ น ก ลุ่ ม จั บ คู่ กั น ท า ง า น


8 check เ มื่ อ ไ ด้ รั บ ค า ถ า ม ห รื อ ปั ญ ห า จ า ก ค รู
นักเรียนคนหนึ่งจะเป็ นคนทาและอีกคนหนึ่งทาหน้าทีเ่ สน
อ แ น ะ ห ลั ง จ า ก ที่ ท า ข้ อ ที่ 1 เ ส ร็ จ
นักเรียนคู่น้น ั จะสลับ หน้ าที่กน ั เมื่อทาเสร็จครบแต่ละ 2
ข้ อ
แต่ละคูจ่ ะนาคาตอบมาและเปลีย่ นและตรวจสอบคาตอบข
องคูอ ่ ืน

1 Numbe เทคนิ ค นี้ แบ่ ง นัก เรี ย นเป็ นกลุ่ ม ด้ ว ยกลุ่ ม ละ 4 คน
9 red ที่มีความสามารถคละกัน แต่ละคนมีหมายเลขประจาตัว
heads แ ล้ ว ค รู ถ า ม ค า ถ า ม ห รื อ ม อ บ ห ม า ย ง า น ใ ห้ ท า
แล้วให้นกั เรียนได้อภิปรายในกลุม ่ ย่อยจนมั่นใจว่าสมาชิก
togeth
ใ น ก ลุ่ ม ทุ ก ค น เ ข้ า ใ จ ค า ต อ บ
er ค รู จึ ง เ รี ย ก ห ม า ย เ ล ข ป ร ะ จ า ตั ว ผู้ เ รี ย น
หมายเลขทีค ่ รูเรียกจะเป็ นผูต ้ อบคาถามดังกล่าว

2 Line- เ ป็ น เ ท ค นิ ค ที่ ง่ า ย ๆ
0 ups โ ด ย ใ ห้ นั ก เ รี ย น ยื น แ ถ ว จั ด เ รี ย ง ล า ดั บ ภ า พ ค า
หรือสิง่ ทีค
่ รูกาหนดให้ เช่น ครูให้ภาพต่างๆ แก่นกั เรียน
แล้วให้นกั เรียนยืนเรียงลาดับภาพขัน ้ ตอนของวงจรชีวิตข
องแมลง ห่วงโซ่อาหาร เป็ นต้น
ALสาธิต 9
ที่ เทคนิค วิธีการดาเนินการ
2 Inside– เป็ นเทคนิคทีใ่ ห้นกั เรียนนั่งหรือยืนเป็ นวงกลมซ้อนกัน 2
1 outside วง จานวนเท่ากัน วงในหันหน้าออก วงนอกหันหน้าเข้า
circle ั เพื่อ สัม ภาษณ์ ซึ่งกันและกัน
นัก เรี ย นที่อ ยู่ต รงกับ จับ คู่ก น
ห รื อ อ ภิ ป ร า ย ปั ญ ห า ร่ ว ม กั น
จากนัน ้ จะหมุนเวียนโดยนักเรียนวงนอกและวงในเคลือ ่ นไ
ปในทิ ศ ทางตรงข้ า มกัน เพื่ อ เปลี่ ย นคู่ ใ หม่ ไ ปเรื่ อ ย ๆ
ไม่ซา้ คูก ่ น

2 Corner เป็ นเทคนิ ค วิ ธี ที่ ค รู เ สนอปั ญ หา และ ระบุ มุ ม ต่ า ง ๆ
2 s ภ า ย ใ น ห้ อ ง เ รี ย น แ ท น แ ต่ ล ะ ข้ อ
แล้วนักเรียนแต่ละกลุม ่ ย่อยเขียนหมายเลขข้อทีช ่ อบมากก
ว่ า แ ล ะ เ ค ลื่ อ น เ ข้ า สู่ มุ ม ที่ เ ลื อ ก ไ ว้
นัก เรี ย นร่ ว มกัน อภิ ป รายภายในกลุ่ ม ตามมุ ม ต่ า ง ๆ
หลังจากนัน ้ จะเปิ ดโอกาสให้นกั เรียนในมุมใดมุมหนึ่งอภิป
รายเรือ ่ งราวทีไ่ ด้ศกึ ษาให้เพือ ่ นในมุมอืน ่ ฟัง
2 Pair เ ป็ น เ ท ค นิ ค ที่ ค รู ก า ห น ด หั ว ข้ อ ห รื อ ค า ถ า ม
3 discus แล้วให้สมาชิกทีน่ งั ใกล้กน ั ร่วมกันคิดและอภิปรายเป็ นคู่
sion

2 Team - เป็ นเทคนิคทีค่ รูกาหนดปัญหาหรืองานให้แล้วนักเรียนทาง


4 pair – า น ร่ ว ม กั น ทั้ ง ก ลุ่ ม จ น ง า น ส า เ ร็ จ
solo จ า ก นั้ น จ ะ แ ย ก ท า ง า น เ ป็ น คู่ จ น ง า น ส า เ ร็ จ
สุดท้ายนักเรียนแต่ละคนแยกมาทาเองจนสาเร็จได้ดว้ ยตน
เอง
2 Team – เป็ นเทคนิคทีม ่ ีการกาหนดหมายเลขของสมาชิกแต่ละคนใ
5 intervie น ก ลุ่ ม
w แล้วครูผส ู้ อนกาหนดหัวข้อและอธิบายหัวข้อให้นกั เรียนทั้
ง ชั้ น
สุ่ ม หมายเลขของนัก เรี ย นในกลุ่ ม ยื น ขึ้ น แล้ ว ให้ เ พื่ อ นๆ
ร่ ว ม ที ม เ ป็ น ผู้ สั ม ภ า ษ ณ์ แ ล ะ ผ ลั ด กั น ถ า ม
โดยเรี ย งล าดับ เพื่ อ นให้ ทุ ก คนมี ส่ ว นร่ ว มเท่ า ๆ กัน
เมื่ อ หมดเวลาตามที่ ก าหนด คนที่ ถู ก สัม ภาษณ์ นั่งลง
และนักเรียนหมายเลขต่อไปนี้และถูกสัมภาษณ์ หมุนเวียนเ
ช่นนี้เรือ
่ ยไปจนครบทุกคน

ALสาธิต 10
ที่ เทคนิค วิธีการดาเนินการ
2 The 1. ให้นกั เรียนจับบัตรคาถาม คนละ 1 คาถาม
6 power
2. ใ ห้ นั ก เ รี ย น แ ต่ ล ะ ค น คิ ด ห า ค า ต อ บ ด้ ว ย ต น เ อ ง
of two
แล้วเขียนตอบ
3. ให้นกั เรียนจับคูก
่ น
ั แลกเปลีย่ นคาถามและคาตอบ
4. นักเรียนแต่ละคูช
่ ว่ ยกันเรียบเรียงคาตอบใหม่
5.
นาคาตอบของแต่ละคู่ไปเปรียบเทียบกับคาตอบของคู่อื่น
ๆ ในชัน
้ เรียน
6. ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปคาตอบ
2 Gallery 1. แ บ่ ง นั ก เ รี ย น อ อ ก เ ป็ น ก ลุ่ ม ก ลุ่ ม ล ะ 2- 4 ค น
7 of ครูตด ิ กระดาษปรูฟ ๊ ทีบ
่ ริเวณผนังห้อง
Learni
2.
ng
สมาชิกของกลุม ่ ร่วมกันอภิปรายเกีย่ วกับสิง่ ทีไ่ ด้รบ ั จากกา
รเรียนรู ้ อาจระบุเป็ นหัวข้อ เช่น ความรูใ้ หม่, ทักษะใหม่,
สิ่งที่ได้รบ
ั การพัฒนา, ค้นพบความสนใจใหม่ในเรื่อ ง..,
มีความมั่นใจในเรือ ่ ง..
3.
นักเรียนแต่ละคนเขียนประเด็นที่ได้เรียนรูล้ งในกระดาษ
post- it ห รื อ ก ร ะ ด า ษ ที่ ตั ด เ ป็ น ชิ้ น
นาไปติดลงในกระดาษปรูฟ ๊ ให้ตรงตามคอลัมน์ ของประเด็
นทีต
่ นเองเขียน
4. ค รู แ ล ะ นั ก เ รี ย น ร่ ว ม กั น ต ร ว จ ส อ บ ผ ล
แล้วสรุปข้อดีและข้อควรปรับปรุงในการเรียน
2 Poster 1.
8 Sessio ครูมอบหมายให้นก ั เรียนแต่ละคนรับผิดชอบเนื้ อหาย่อยใ
n นหัวข้อทีก
่ าลังเรียน

ALสาธิต 11
ที่ เทคนิค วิธีการดาเนินการ
2.
แต่ละคนรับผิดชอบไปสืบค้นข้อมูลตามทีไ่ ด้รบ
ั มอบหมาย
3. นัก เรี ย นแต่ ล ะคนน าข้ อ มู ล มาจัด ท าเป็ นโปสเตอร์
ตกแต่งให้สวยงาม
4. จั ด แ ส ด ง ผ ล ง า น โ ด ย ค รู
นั ก เรี ย นคนอื่ น แล ะแขก ที่ ไ ด้ ร ับ เชิ ญ ค นอื่ น เ ดิ น ช ม
แล้วให้นกั เรียนนาเสนอและตอบคาถามจากโปสเตอร์ของ
ตนเอง

บทบาทของผูส ้ อน
จากกิจกรรมและวิธี ก ารปฏิบ ต ั ิต ามแนวทางของการเรีย นรูแ ้ บบ Active
Learning ผู้ ส อ น เ ป็ น ผู้ ที่ มี บ ท บ า ท ส า คั ญ ก ล่ า ว คื อ
การจะบรรลุวตั ถุประสงค์ของการเรียนเชิงรุกหรือไม่ ผูส ้ อนควรมีบทบาทดังนี้
1. จั ด ใ ห้ ผู้ ส อ น เ ป็ น ศู น ย์ ก ล า ง ข อ ง ก า ร เ รี ย น
กิจกรรมหรือเป้ าหมายทีต ่ อ ้ งการต้อง
ส ะ ท้ อ น ค ว า ม ต้ อ ง ก า ร ที่ จ ะ พั ฒ น า ผู้ เ รี ย น
และเน้นการนาไปใช้ประโยชน์ในชีวต ิ จริงของผูเ้ รียน
2. ส ร้ า ง บ ร ร ย า ก า ศ ข อ ง ก า ร มี ส่ ว น ร่ ว ม
และการเจรจาโต้ตอบทีส ่ ง่ เสริมให้ผเู้ รียนมี
ปฏิสม ั พันธ์ทดี่ กี บ
ั ผูส ้ อน และเพือ ่ นในชัน ้ เรียน
3. จั ด กิ จ ก ร ร ม ก า ร เ รี ย น ก า ร ส อ น ใ ห้ เ ป็ น พ ล วั ต
ส่งเสริมให้ผเู้ รียนมีสว่ นร่วมในทุก
กิ จ กรรมที่ ส นใจรวมทั้ง กระตุ้ น ให้ ผู้ เ รี ย นประสบความส าเร็ จ ในการเรี ย น
กิจกรรมทีเ่ ป็ นพลวัต ได้แก่ การฝึ กแก้ปญ ั หาการศึกษาด้วยตนเอง เป็ นต้น
4. จัด สภาพการเรี ย นรู ้แ บบร่ว มมื อ (Collaborative Learning)
ส่งเสริมให้เกิดการ
ร่วมมือในกลุม ่ ผูเ้ รียน
5. จั ด กิ จ ก ร ร ม ก า ร เ รี ย น ก า ร ส อ น ใ ห้ ท้ า ท า ย
และให้โอกาสผูเ้ รียนได้รบ ั วิธีการสอนที่
ห ล า ก ห ล า ย ม า ก ก ว่ า ก า ร บ ร ร ย า ย เ พี ย ง อ ย่ า ง เ ดี ย ว
แ ม้ ร า ย วิ ช า ที่ เ น้ น ท า ง ด้ า น ก า ร บ ร ร ย า ย ห ลั ก ก า ร
แ ล ะ ท ฤ ษ ฎี เ ป็ น ห ลั ก ก็ ส า ม า ร ถ จั ด กิ จ ก ร ร ม เ ส ริ ม อ า ทิ ก า ร อ ภิ ป ร า ย
การแก้ไขสถานการณ์ ทก ี่ าหนด เสริมเข้ากับกิจกรรมการบรรยาย

ALสาธิต 12
6. ว า ง แ ผ น ใ น เ รื่ อ ง ข อ ง เ ว ล า ก า ร ส อ น อ ย่ า ง ชั ด เ จ น
ทัง้ ในเรือ
่ งของเนื้อหา และกิจกรรม
ใ น ก า ร เ รี ย น ทั้ ง นี้ เ นื่ อ ง จ า ก ก า ร เ รี ย น เ ชิ ง รุ ก จ า เ ป็ น
ต้ อ ง ใ ช้ เ ว ล า ก า ร จั ด กิ จ ก ร ร ม ม า ก ก ว่ า ก า ร บ ร ร ย า ย
ดั ง นั้ น ผู้ ส อ น จ า เ ป็ น ต้ อ ง ว า ง แ ผ น ก า ร ส อ น อ ย่ า ง ชั ด เ จ น
โดยสามารถกาหนดรายละเอียดลงในประมวลรายวิชา เป็ นต้น
7. ใ จ ก ว้ า ง ย อ ม รั บ ใ น ค ว า ม ส า ม า ร ถ ใ น ก า ร แ ส ด ง อ อ ก
และความคิดเห็นทีผ ่ เู้ รียนนาเสนอ
บทบาทของผูเ้ รียน
1. ก า ห น ด เ ป า ห ม า ย ว า ง แ ผ น
และรับผิดชอบการเรียนรู ของตนเอง
2. มีสว่ นร่วมในกิจกรรมการเรียนรู ้ ให้ความคิดเห็น และสะท้อนผล
3. ล ง มื อ ป ฏิ บั ติ จ ริ ง ส รุ ป สิ่ ง ที่ ไ ด้ เ รี ย น รู ด ว ย ต น เ อ ง
และนาความรู ไปประยุกต ใช ในสถานการณ ต าง ๆ
4. มีสว่ นร่วมในการประเมินการเรียนรู แ ้ ละพัฒนากระบวนการเรียนรู
ของตนเองอย างต อเนื่อง
5. ปรับปรุงการปฏิบตั อ ิ ยูเ่ สมอ
6. เคารพในตนเองและผูอ ้ ืน

..................................................

ALสาธิต 13

Você também pode gostar